Breaking News

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2568 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1.2% YoY ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.6% และหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ -0.6% QoQ จากปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัวดี และปัจจัยกดดันหลักมาจากการบริโภคและการลงทุนภาครัฐที่หดตัว --- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เป็น 2.0% จากเดิมที่ 1.8% โดยมอง GDP ไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวราว 0.8% YoY ส่วนในปี 2569 คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ 1.5-1.8%  SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยอ่อนแรง ส่งออกเริ่มแผ่ว และความเสี่ยงเงินฝืดสูงขึ้น มองชุดนโยบาย Quick Big Win จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น แต่ผลต่อ GDP ยังมีจำกัด ...ประเมินเงินเฟ้อไทยเฉลี่ยใกล้ศูนย์ในปีนี้และปีหน้า ปีนี้มองติดลบ -0.1% และปีหน้าอยู่ที่ 0.2% ผลจากราคาพลังงานที่ลดลงและมาตรการช่วยค่าครองชีพของรัฐบาล ตลอดจนอุปสงค์ในประเทศที่จะแผ่วลง ...คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้าขยายตัวต่ำ 1.8% และ 1.5% ตามลำดับ เสี่ยงโตไม่ถึง 1% ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยาวถึงครึ่งแรกปีหน้า การส่งออกมีสัญญาณชะลอตัวหลังสหรัฐฯ เก็บภาษีไทย 19% สะท้อนความจำเป็นของนโยบายประคองเศรษฐกิจ แม้ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. ยังขยายตัวได้ 5.8% แต่ชะลอลงมากจากเดือนก่อน

BKIH แข็งแกร่งต่อเนื่อง ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2568 ทำกำไรสุทธิ 2,697.2 ล.

BKIH แข็งแกร่งต่อเนื่อง ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2568 ทำกำไรสุทธิ 2,697.2 ล.
1
เขียนโดย Intrend online 2025-11-18

BKIH แข็งแกร่งต่อเนื่อง ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2568 ทำกำไรสุทธิ 2,697.2 ล้านบาท จากที่บริษัทลูก BKI ทำรายได้จากการประกันภัยกว่า 23,472.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% และมีกำไรสุทธิ 2,684.7 ล้านบาท

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 (ก.ค.-ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 1,147.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.0 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 10.78 บาท สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) บีเคไอ โฮลดิ้งส์ มีรายได้จากการประกันภัย 23,472.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,697.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.3 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 25.34 บาท 

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 และเมื่อรวมกับเงินปันผลไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 เท่ากับจ่ายเงินปันผล 9 เดือนแรกของปี 2568 ให้แก่ผู้ถือหุ้น 11.25 บาทต่อหุ้น

ในส่วนของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักของบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 (ก.ค.-ก.ย.) มีรายได้จากการประกันภัย 7,736.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 6,792.5 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 944.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 444.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,370.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 1,139.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 10.71 บาท

โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2568 กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 23,472.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และมีรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 1,338.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแล้ว ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,152.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.7 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 2,684.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.1 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 25.22 บาท

บีเคไอ โฮลดิ้งส์และบริษัทย่อย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน