Breaking News

Krungthai COMPASS เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ส.ค. 68 อยู่ที่ -0.79% ติดลบสูงขึ้นจากเดือนก่อน ซึ่งอยู่ที่ -0.70% มองเงินเฟ้อของไทยขาดแรงส่ง หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่อง 5 เดือน คาดเงินเฟ้อไทยในช่วงที่เหลือของปี 68 ยังคงอ่อนแรง ทั้งจากทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง *** คาดเงินเฟ้อไทยในช่วงที่เหลือของปี 68 ยังคงอ่อนแรง ทั้งจากทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มแผ่วลงซึ่งจะกดดันกำลังซื้อ รวมถึงการไหลบ่าของสินค้าราคาถูกจากนอกประเทศต่างลดทอนแรงส่งที่มีต่อเงินเฟ้อของไทยต่อไป

ธ.ทิสโก้ เปิด 5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณรับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน

ธ.ทิสโก้ เปิด 5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณรับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน
1
เขียนโดย intrend online 2025-09-09

9 ก.ย. 68 - ธนาคารทิสโก้ชี้ ยิ่งเศรษฐกิจไม่แน่นอนยิ่งต้องสร้างวินัยการเงิน โดยเฉพาะการวางแผนเกษียณที่เข้มข้นขึ้นผ่าน 5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณ คือ 1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 2. สร้างแหล่งรายได้ 3. กระจายการลงทุน 4. ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 5. ใช้ประกันสุขภาพเสริมความมั่นคง พร้อมเปิดตัวเลขหากต้องการเกษียณเร็วกว่าคาด เช่น เกษียณอายุ 45 ปีและมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจึงถึงอายุ 80 ปี ณ วันเกษียณจะต้องมีเงินเก็บ 10.7 ล้านบาท

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และหลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดเลิกจ้างงานก่อนพนักงานอายุ 60 ปีนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำคนไทยเพิ่มความเข้มข้นของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ 5 กลยุทธ์ คือ 1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 2. สร้างแหล่งรายได้ 3. กระจายการลงทุน 4. ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 5. ใช้ประกันสุขภาพเสริมความมั่นคง

สำหรับรายละเอียดกลยุทธ์การวางแผนเกษียณ 5 กลยุทธ์ มีดังนี้

1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณมีความสำคัญมาก เพราะเป็น “เข็มทิศ” ที่ช่วยให้วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงทาง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ อายุที่คาดว่าจะเกษียณ ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ คาดว่าจะมีอายุขัยกี่ปีและนำอัตราผลตอบแทนการลงทุนในช่วงหลังเกษียณหลังหักเงินเฟ้อเข้ามาคำนวนเพื่อหาเป้าหมายเงินก้อนก่อนเกษียณ ขั้นตอนนี้สามารถใช้โปรแกรมวางแผนการเงินช่วยคำนวนได้ เช่น โปรแกรม TISCO My Goal คลิก https://link.tisco.co.th/cnI6zA

“หากเกษียณตอน 60 ปี มีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี ณ วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 6.5 ล้านบาท แต่หากต้องการเกษียณเร็วขึ้น 5 ปี ต้องเตรียมเงินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30% ของจำนวนเงิน ณ วันเกษียณ เช่น เกษียณอายุตอน 55 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 8 ล้านบาท หรือเกษียณอายุตอน 45 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 10.7 ล้านบาท เป็นต้น” นายณัฐกฤติกล่าว

2. สร้างหลายแหล่งรายได้

นอกจากเงินก้อนที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเกษียณแล้ว พนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ และคนไทยส่วนใหญ่มักจะมีแหล่งรายได้ที่เป็นกระแสเงินสดหลังเกษียณจากช่องทางต่างๆ เช่น เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม เงินบำนาญของข้าราชการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้นเป็นหลักประกันความมั่นคงหลังเกษียณอาจพิจารณาทำประกันบำนาญเพิ่มความมั่นคง เป็นกองหลังที่ช่วยหนุนกระแสเงินสดที่แน่นอนในช่วงวัยเกษียณ

3. กระจายการลงทุน (Diversification)

ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ โดยอาจเพิ่มการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้

ส่วนการลงทุนในหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงประมาณ 8-10% ต่อปี โดยอาจลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และยังรวมถึงเงินลงทุนอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว

อีกทั้ง ยังสามารถแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ เพราะมีอัตราการเติบโตในระยะยาวที่ค่อนข้างดี เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยป้องกันความเสี่ยงในยามวิกฤตเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวอีกด้วย

4. ปรับพอร์ตตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ

แนวทางแบบง่าย คือ “120 ลบอายุ = สัดส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรลงทุน” เช่น อายุ 40 ปี ควรมีหุ้นประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้และเงินสด แต่เมื่อใกล้เกษียณควรลดหุ้นเหลือเพียง 30 - 40% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

5. ประกันสุขภาพ: กลไกเสริมสร้างความมั่นคง

ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบเงินออมหลังเกษียณ การจัดสรรแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม และกันเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกัน จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ